โทรศัพท์มือถือ
น่าซื้อ 10 อันดับ โทรศัพท์มือถือ OPPO A16 ที่ขายดี ยี่ห้อไหนดี อัพเดทปี 2024
Pongpat มีนาคม 27, 2022 393
สุดยอด 10 อันดับ โทรศัพท์มือถือ OPPO A16 คุณภาพเลิศ ดูรายละเอียดต่างๆ เพื่อเป็นการเปรียบเทียบในการเลือกซื้อสินค้า...
5 อันดับ Apple iPhone 12 ยี่ห้อไหนดี อัพเดทปี 2024
Pongpat มีนาคม 21, 2022 505
เทรนด์ 5 อันดับ Apple iPhone 12 ขายดี ที่คนไทยนิยม คลิกเลย ดูรายละเอียด อ่านรีวิวเกี่ยวกับสินค้า...
ซื้อโทรศัพท์มือถือ ที่ Shopee - เช็คราคาโทรศัพท์มือถือแต่ละแบรนด์อัพเดทล่าสุด
โทรศัพท์ Samsung ราคาเริ่มต้นที่ 159 - 35,900 บาท
Apple iPhone ราคาเริ่มต้นที่ 2,619 - 41,900 บาท
โทรศัพท์ Vivo ราคาเริ่มต้นที่ 600 - 17,549 บาท
โทรศัพท์ Huawei ราคาเริ่มต้นที่ 550 - 40,500 บาท
โทรศัพท์ Xiaomi ราคาเริ่มต้นที่ 1,759 - 22,900 บาท
โทรศัพท์ โนเกีย ราคาเริ่มต้นที่ 265 - 18,890 บาท
โทรศัพท์ Oppo ราคาเริ่มต้นที่ 540 - 26,990 บาท
โทรศัพท์ Wiko ราคาเริ่มต้นที่ 700 - 12,500 บาท
โทรศัพท์ Asus ราคาเริ่มต้นที่ 1,290 - 32,900 บาท
โทรศัพท์ AIS ราคาเริ่มต้นที่ 300 - 3,990 บาท
โทรศัพท์ทรู ราคาเริ่มต้นที่ 150 - 5,990 บาท
โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์สื่อสารสำคัญที่ใครๆ ก็ขาดไม่ได้
เชื่อว่าใครก็ตามที่เคยลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านต้องมีอาการ “ขาดเธอ...ขาดใจ” แน่นอน นั่นก็เพราะมือถือรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันได้ทำให้การสื่อสารของเราใกล้ชิดและสะดวกมากยิ่งขึ้น ราคาโทรศัพท์ค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็นสิ่งที่แทบทุกคนต้องมีติดตัว และ มือถือในยุคนีั้ไม่ได้มีหน้าที่แค่เพียงโทรเข้า โทรออกเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นสื่อกลางให้เราเข้าไปติดต่อกับผู้คนทั่วโลกผ่านอินเตอร์เน็ต และรับรู้เรื่องราวของคนที่อยู่ไกลกันผ่าน Social Network อย่าง Facebook หรือ Instagram และยังได้ดูหนัง ฟังเพลง ดูคลิปวิดีโอเรื่องราวต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดนี้มีพร้อมให้เลือกในสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว
เมื่อสมาร์ทโฟนมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนเรามากขนาดนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่าหากจะหาโทรศัพท์เครื่องใหม่มาใช้สักเครื่อง จะมีมือถือยี่ห้อไหน รุ่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง
โทรศัพท์ขายดีที่ Shopee - เลือกซื้อสมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ Shopee
iPhone ที่โดดเด่นด้วยระบบปฎิบัติการ iOS ซึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ได้แก่ iPhone 11 ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือด้วยการมีระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า มาพร้อมหน้าจอ OLED ที่คม ชัด ใส ดีไซน์ไร้ขอบ ไร้ปุ่ม Home และกล้องรุ่นใหม่ที่เพิ่มเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ภาพคมชัดยิ่งกว่าเดิม แถมมากับเลนส์คู่กันสั่นที่ทำให้ถ่ายวิดีโอได้ดีขึ้นแม้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ เรียกว่าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เลยทีเดียว รวมไปถึง iPhone รุ่นก่อนหน้าที่ใช้งานดีไม่แพ้กันอย่าง iPhone se, iPhone 5s, iPhone 6, iPhone 6s, iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 6s plus, iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X, iPhone XR, iPhone XS, iPhone SE, iPhone XS Max, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max, ไอโฟน 12, iPhone มือสอง, iPhone 11 มือสอง และแท็บเล็ต Apple iPad Gen 7 ไอแพด ไอแพดโปร ก็ราคากำลังดีเลยนะ สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ
Samsung สมาร์ทโฟนสัญชาติเกาหลี มีระบบปฏิบัติการแบบ Android รุ่นที่นิยมในปัจจุบันได้แก่ Samsung Galaxy A8 2018 รองรับการใช้งานแบบ Nano-Sim มีระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ สามารถหมุนภาพ และปรับความสว่างของแสงขณะถ่ายภาพได้อัตโนมัติ นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 9 ก็ถือเป็นมือถือรุ่นยอดฮิตอีกรุ่นหนึ่งของซัมซุง โดยตระกูล Note ถือเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและสร้างรายได้มหาศาลให้กับ Samsung เลยทีเดียว หรือจะเป็นรุ่นอื่น ๆ อย่าง Samsung J7, Samsung Note 8, Samsung Note 10, Samsung Note 10 Plus, Samsung Galaxy S10+, Samsung A10, Samsung A51, Samsung A71, S20, Samsung S21, ซัมซุงฮีโร่, Galaxy Tab, Samsung Galaxy S ก็มีฟังก์ชันการใช้งานเด็ด ๆ เพียบเลยล่ะ
โทรศัพท์ Huawei สมาร์ทโฟนมาแรงจากจีนแผ่นดินใหญ่ ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Android รุ่นที่กำลังได้รับความนิยมคือ Huawei Y9 ที่โดดเด่นด้วยการนำกล้องคู่มาใช้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง จึงมั่นใจได้ว่าทุกรูปออกมาสวยชัดแน่นอน โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปเซลฟี่ เพราะมีกล้องคู่ 13+2 PM พร้อมออโต้โฟกัส และ LED Flash อีกด้วย จัดว่าเป็นแบรนด์มือถือที่ตอบโจทย์คนรักการถ่ายรูปและวิดีโอได้ดีสุดๆ แถมยังมาพร้อมราคาที่เอื้อมถึงง่ายอีกด้วย ทั้ง Huawei Y7 Pro (2019), Huawei P30 Pro
Vivo แบรนด์โทรศัพท์มือถือราคาจับต้องได้ที่มาพร้อมฟังก์ชันครบครัน รุ่นดังก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก Vivo Y11, Vivo Y12, Vivo Y15, Vivo V5 ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคุณ
Oppo อีก 1 แบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเชีย ด้วยดีไซน์ที่สวยงามน่าใช้และราคาสมเหตุสมผล ไม่ว่าจะเป็น Oppo F5, Oppo F9, Oppo A91, Oppo F11 Pro
นอกจากนี้แบรนด์ดังอย่าง Xiaomi ก็มีโทรศัพท์มือถือที่น่าสนใจมากมายเลยนะ รุ่นดังอย่าง Mi 9, Mi 10T Pro, Redmi 9t, Redmi Note 7, Xiaomi Redmi Note 8 Pro, Xiaomi Redmi Note 8, Redmi 8A, Mi Band 4, Oppo A5S ก็ราคาเหมาะสมแถมยังคุณภาพดีอีกต่างหาก!
โทรศัพท์มือถือราคาถูก ทนทาน ใช้งานยาวๆ ตอบโจทย์คนงบน้อย
โทรศัพท์มือถือราคาถูกมีให้เลือกมากมายหลายรุ่นที่ Shopee ทั้งในรูปแบบสมาร์ทโฟนและอื่นๆ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยเป็นต้นไป เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือในราคาประหยัด และหากใครกำลังมองหาโทรศัพท์รุ่นใหม่ แบรนด์ดัง แต่ราคาเกินเอื้อมไปนิด สามารถมาเลือกซื้อ โทรศัพท์มือถือมือสองได้ที่ Shopee เลย แม้จะไม่ใช่ของใหม่กิ๊ก แต่ประสิทธิภาพมาเต็มๆ แถมราคาลดกระชากใจแน่นอน ทั้งโทรศัพท์ AIS, Realme 5 Pro, Rog Phone 3, Pocophone F1, Infinix, Sony Xperia, Oneplus, Oneplus 9 Pro, Poco F3 และอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถเลือกช้อปได้ที่นี่
สำหรับใครที่กำลังมองหาโทรศัพท์มือถือราคาถูกอยู่ Shopee แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ขอแนะนำให้ดูข้อมูลจาก Shopee Blog ซึ่งรวบรวม โทรศัพท์มือถือราคาไม่เกิน 4,000 บาท เอาไว้หลายรุ่น ซึ่งนอกจากจะเป็นรุ่นที่ถ่ายรูปสวยแล้วยังมีความทนทาน อายุการใช้งานนานอีกด้วย
เคล็ดลับในการถนอมโทรศัพท์มือถือคู่ใจให้ใช้งานได้นานๆ
อุตส่าห์ลงทุนซื้อโทรศัพท์มือถือดีๆ ราคาโทรศัพท์ก็ไม่ใช่ถูกๆ ฉะนั้นเราก็ต้องรักษาให้ใช้ได้นานที่สุดด้วยเพื่อความคุ้มค่าของเงินทุกบาทที่จ่ายออกไป มาดูวิธีการถนอมสมาร์ทโฟนคู่ใจให้ดูดีและอยู่กับเราได้นาน ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพกัน
ติดฟิล์มกันรอย เพื่อปกป้องหน้าจอมือถือให้ดูสวยงามเหมือนใหม่ และป้องกันไม่ให้มีรอยขีดข่วน นอกจากฟิล์มกันรอย จะราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่ายแล้ว เดี๋ยวนี้ยังมีฟิล์มกันกระแทก เมื่อมือถือตกพื้นหน้าจอจริงจะไม่เป็นรอยหรือแตกด้วย
ใส่เคสหรือซองมือถือ เพื่อป้องกันตัวเครื่องไม่ให้เป็นรอบขีดข่วน และช่วยรับแรงกระแทกเวลาตกพื้น ป้องกันตัวเครื่องไม่ให้ได้รับความเสียหาย
เมื่อแบตเตอรี่เต็มแล้วควรถอดสายชาร์จออกทันที และไม่ควรชาร์จไฟขณะที่แบตเตอรี่ยังไม่หมด เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ทั้งการชาร์จจากปลั๊กไฟและการชาร์จจากแบตเตอรี่สำรอง และในทางตรงกันข้าม อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเครื่องดับบ่อยๆ ควรชาร์จทันทีเมื่อเครื่องเตือนว่าแบตเตอรี่อ่อน หรือเลือกซื้ออะไหล่มือถือที่น่าสนใจ
ปิดฟังก์ชั่นบลูทูธ หรือ Wi-Fi ทันทีหลังใช้งาน เพื่อเป็นการถนอมเครื่องและแบตเตอรี่ไม่ให้ทำงานหนักเกินไป
ตั้งค่าเครื่องให้อยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน เพื่อจะได้เป็นการรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่ได้นานๆ
อย่างที่เราต่างรู้กันดีว่า ยุคนี้โทรศัพท์ถือเป็นปัจจัยที่ 5 ถ้าเรามีมือถือดี ชีวิตก็ดีไปด้วย แต่ถ้ายังรู้สึกว่าชีวิตยังไม่ดีพอ Shopee มีแนวทางสำหรับเลือกเบอร์มงคลให้ด้วย ไปอ่านแล้วเลือกเบอร์มงคลดีๆ เสริมดวงได้เลย
ซื้อโทรศัพท์มือถือที่ Shopee การันตีปลอดภัย 100%
เลือกซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ในแบบที่ตรงใจ สะดวก สบาย ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Shopee ประเทศไทย ที่นี่มีโทรศัพท์มือถือราคาถูก ตั้งแต่หลักร้อยเป็นต้นไป อย่างร้าน Nasaphone, Thaisuperphone, Banana IT, Jaymart ก็มี หรือโทรศัพท์จากร้าน Oneplus ราคาเด็ด ๆ ให้เลือกมากมายเลยนะ ใช้แค่ปลายนิ้วก็สามารถเลือกซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ต้องการมาส่งถึงหน้าบ้าน มีโทรศัพท์มือถือมากมายหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ให้คุณได้เลือกช้อปตามต้องการ พร้อมโปรโมชั่นมือถือและโค้ดส่วนลดพิเศษจากร้านขายมือถือชื่อดัง นอกจากนี้ยังสามารถติดตามสถานะการจัดส่ง และเลือกจ่ายเงินปลายทางหลังจากเห็นของได้ด้วย มั่นใจได้เลยว่าได้รับของแน่นอน ส่วนใครที่ต้องการเติมเงินออนไลน์ ก็อย่าลืมมาเติมที่ Shopee กันล่ะ มีโปรเด็ด ๆ สำหรับคุณรออยู่! นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เน็ตเวิร์คจากแบรนด์ดังอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าโน๊ตบุ๊ค acer โน๊ตบุ๊ค hp โน๊ตบุ๊ค Lenovo โน๊ตบุ๊ค Dell Macbook Air นาฬิกา Apple watch สินค้าจาก Apple ต่าง ๆ แท็บเล็ตอย่าง ไอแพดแอร์ ก็มีนะ รวมไปถึงเคสโทรศัพท์ หูฟังไร้สาย เคสไอแพด ตลอดจนอุปกรณ์สมาร์ทต่าง ๆ ทั้ง Smart Watch อะไหล่มือถือ Casetify Film Hydrogel สายชาร์จไอโฟน ที่รอคุณอยู่ Shopee แหล่งรวมสินค้าไอทีมากมาย ช้อปมือถือและอุปกรณ์ยอดฮิตที่กำลังมาแรง ทั้ง Apple watch, Galaxy Watch, Galaxy Note, มือถือ5G, Samsung A, Oppo Reno, Redmi Note, Redmi Note 9, Vivo Y11, Oppo A5 ,Samsung S21, Samsung a71, Samsung a12, Oppo Reno 4 หรือสินค้าจาก Apple ยอดฮิตมากมายทั้ง iPad, iPad Pro, เคสไอโฟน, iPhone X, iPhone 11, iPhone12, Airpods , iPad mini ไปจนถึง เบอร์มงคล หรือ ซิมเทพ ก็มีนะ พร้อมบริการส่งถึงบ้านคุณ อย่างรวดเร็ว ฉับไว และสามารถขอรับเงินคืนได้ หากคุณไม่ได้รับสินค้า
พลาดไม่ได้! พบกับโปรโมชั่นพิเศษตลอดทั้งปีจาก Shopee
ช้อปออนไลน์ที่ Shopee มีแต่คุ้มกับคุ้ม นอกจากคุณจะได้ช้อปสินค้าราคาพิเศษสุดแบบหาซื้อที่อื่นไม่ได้แล้ว ยังมาพร้อมโค้ดส่วนลด Shopee อีกมากมายที่คุณต้องห้ามพลาด ไม่ว่าจะเป็นโปร 7.7, โค้ดส่งฟรี, ดีลสุดคุ้มจาก ShopeePay, Coins Cashback, สินค้าลด 50%
โปรโมชั่นบัตรเครดิตหลากหลายธนาคารอย่างบัตรเครดิตกสิกร-ร้านของเรา, บัตรเดบิตกรุงไทย, โปรโมชั่นบัตรเครดิต KTC, บัตรเครดิต JCB, โปรโมชั่น TMRW, บัตรเครดิตออมสิน, บัตร UOB YOLO,โปรโมชั่นบัตรเครดิต Citi, บัตรเดบิต SCB,โปรโมชั่นบัตรเครดิต UOB, โปรโมชั่นบัตรเครดิตกรุงศรี, บัตรบีเฟิสต์, โปรโมชั่นบัตรเครดิตออมสิน, บัตรเครดิตไอซีบีซี หรือ Kept ก็จะช่วยให้คุณช้อปได้คุ้มยิ่งกว่าเดิม สำหรับผู้ค้าออนไลน์ก็ต้องห้ามพลาดสินเชื่อเงินด่วนกสิกร, สินเชื่อมณีทันใจ, สินเชื่อไทยเครดิต เลยนะ นอกจากนั้นการขายของใน Shopee ก็ไม่ยากอย่างที่คิดเพราะมีแหล่งความรู้มากมายให้ศึกษา
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจาก Shopee จะมีสินค้าหลากหลายประเภทให้คุณช้อป ทั้งโปรโมชั่นเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้าลดราคา ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Shopee Mart งานแม่และเด็กอย่าง Shopee Mom’s Club สินค้านำเข้า ยังมาพร้อมบริการหลากหลายรูปแบบที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น ทั้งเติมเกม, เติมเงินออนไลน์ ทั้งเน็ตทรู เน็ต ais เน็ตดีแทค เบอร์มงคล ซิมเทพ เน็ตทรูไม่ลดสปีด เน็ต ais ไม่ลดสปีด เน็ตวันทูคอล ซิมทรูเทพ ซิมเทพ ais เน็ตดีแทคไม่ลดสปีด, โปรโมชั่นร้านอาหาร, จองตั๋วหนัง, จ่ายค่าไฟ หรือแม้แต่ไอเทมสุขภาพอย่างเทอร์โมมิเตอร์, เจลแอลกอฮอล์, หน้ากาก 3D, ฟ้าทะลายโจร, กระชายขาว, ศิริบัญชา, เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว, สเปรย์แก้เจ็บคอ Propoliz, กระชายขาวอภัยภูเบศร, เครื่องผลิตออกซิเจน, วิตามินซี, เครื่องผลิตออกซิเจน, เฟสชิว, หรือประกันโควิดเองก็สามารถซื้อด้วยราคาพิเศษได้ที่ Shopee พิเศษสุด! สะสมยอดกับ Shopee ยิ่งช้อปมากยิ่งได้มากไปกับ Shopee Rewards
ในปัจจุบันโทรศัพท์หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “มือถือ” นับเป็นปัจจัยที่ห้าของผู้คนไปเสียแล้ว เพราะแทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้คนส่วนใหญ่ย่อมต้องมีมือถือติดตัว เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายที่หลาย ๆ คนพกติดตัวก็ว่าได้ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความทันสมัยของโลกยุคปัจจุบัน การตอบโจทย์ความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารก็ทำได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว หากต้องการติดต่อสื่อสารกับคน ๆ นั้น เราก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการโทรหากันเพียงไม่กี่วินาที ด้วยปลายนิ้วเราเอง ก็สามารถติดต่อกันได้แล้ว ดังนั้นโทรศัพท์จึงนับว่ามีความจำเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนไปเสียแล้ว
ด้วยมือถือที่มีผลิตออกมาอย่างมากมาย จนบางครั้งผู้ซื้อเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อแบรนด์ไหนดี ราคาโทรศัพท์ จึงนับเป็นสิ่งดึงดูดผู้คนให้ได้เลือกซื้อกัน ประกอบกับทั้งคุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะของมือถือแต่ละรุ่นที่ผลิตออกมายั่วยวนใจ เราจึงควรเช็คราคามือถือก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง เพื่อให้ได้มือถือที่มีคุณภาพดี และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับเรานั่นเอง
- APPLE iPhone Xs Max 512 GB แอปเปิลไอโฟน เทนเอส แม็ก 512 GB เริ่มต้นด้วยมือถือสมาร์ทโฟนที่อาจจะเป็นชื่อรุ่นที่ยาวที่สุดในโลก งานพรีเมี่ยมเปิดตัวใหม่ล่าสุดจากค่ายไอโฟน ด้วยแบรนด์ที่ตีตลาดมาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเปิดตัวมือถือรุ่นใดมา ก็เป็นที่ฮือฮา สร้างกระแสได้เป็นอย่างดี ด้วย “ดีไซน์พรีเมี่ยม ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Apple A12 Bionic หน้าจอ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว” รูปลักษณ์ที่ทันสมัย หรูหรา จึงไม่แปลกที่ราคาค่อนข้างสูงตามไปด้วย รุ่นนี้สนนราคากลางอยู่ที่ 57,900 บาท
- Huawei Mate 20 Pro หัวเว่ย เมท 20 โปร น้องใหม่มาแรง แต่คุณสมบัติและการตลาดที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่เป็นน้องใหม่ในแง่นี้แต่อย่างใด ด้วยสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล ชิปเซตประมวลผล HiSilicon Kirin 980 Octa-Core Processor รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.0 ราคาอยู่ที่ 31,990 บาท
- SAMSUNG Galaxy Note 9 512 GB ซัมซุง กาแล็กซี่ โน้ต 9 512 GB เป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวาง มาพร้อมรูปลักษณ์ในแบบฉบับของซัมซุง และฟังก์ชั่นที่รองรับความสะดวกสบายในการทำงาน ด้วยปากกาที่ง่ายต่อการใช้งาน ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ ราคาอยู่ที่ 41,900 บาท
- OPPO Find X ออปโป ไฟน์ เอ็กส์ เป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้ว สำหรับมือถือที่เด่นเป็นเอกลักษณ์เน้นการถ่ายรูป ให้รูปถ่ายของคุณดูสวย เสมือนถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปมืออาชีพเลยทีเดียว ด้วยราคา 29,990 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับ 2 รุ่นที่กล่าวมาจะเห็นว่าราคาถูกกว่า แต่หากเทียบกับคุณสมบัตินั้นถือว่าแตกต่างกันไม่มากนัก
- Vivo X21 UD วีโว่ เอ็กซ์ 21 ยู ดี หน้าจอ Super AMOLED อัตราส่วน 19:9 ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, มีติ่งที่ด้านบนหน้าจอ รองรับการสแกนใบหน้าแบบ 3D ด้วยฟีเจอร์ Face Wake 2.0 และสุดล้ำสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ กล้องคู่ ตอบโจทย์คนนำสมัย ที่มาพร้อมความสวยงามและโฉบเฉี่ยวได้เป็นอย่างดี ราคาอยู่ที่ 19,990 บาท
เมื่อคุณมีความคิดว่าจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่แน่นอนว่า เรื่องของราคามือถือแต่ละรุ่นที่หมายตาจะผุดขึ้นมาในความคิดเป็นเรื่องแรก ๆ แต่ก่อนที่คุณจะทำการเช็คราคามือถือแต่ละรุ่นที่คุณหมายตาเอาไว้ มีสิ่งที่คุณต้องเช็คและตรวจสอบให้ชัวร์ก่อนหน้าที่จะเช็คเรื่องของราคามือถือ ซึ่งได้แก่
1. ตรวจสอบตนเองว่าจะซื้อมือถือไปใช้งานเรื่องอะไรบ้าง
คุณรู้หรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ซื้อมือถือรุ่นเรือธงที่ราคาก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งแสนนั้น มักไม่ค่อยใช้งานฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่างครบถ้วน ใช้งานจริง ๆ อย่างมากสุดก็ 60% ของความสามารถเครื่องเท่านั้น ตรงนี้คุณจึงต้องถามตัวเองให้ดีว่าคุณจะซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่มาใช้เรื่องอะไรบ้าง อย่างบางคนต้องใช้งานเรื่องการถ่ายภาพบ่อย ๆ ก็ควรจะซื้อมือถือที่มีประสิทธิภาพเรื่องกล่องขั้นเทพ แต่ถ้าเป็นคนไม่ชอบถ่ายภาพนัก เรื่องกล้องดี ๆ ก็คงไม่มีประโยชน์ แบบนี้ซื้อรุ่นที่ถูกกว่าก็ได้ประหยัดไปได้เยอะ
2. ชอบระบบปฏิบัติการแบบไหน
ถ้าคุณชอบความหลากหลาย และชอบระบบเปิดก็ขอให้คุณเป็นสาวกค่าย Android แต่ถ้าชอบระบบปิดและดูมีคลาสมาก ๆ ก็แนะนำฝั่ง iOS ซึ่งทั้งสองค่ายนี้นอกจากจะมีความต่างเรื่องระบบการใช้งานแล้ว เรื่องของ ราคาโทรศัพท์ ก็มีสิ่งที่แตกต่างกันไปด้วย ทางฝั่ง Android จะได้เปรียบกว่าตรงที่ว่ามีมือถือหลายแบรนด์ให้เลือก และแต่ละแบรนด์ก็ยังมีรุ่นย่อยให้คุณเลือกตามระดับราคาที่คุณจ่ายไหวด้วย แต่ส่วนฝั่ง iOS ของ Apple ราคาค่อนข้างจะตายตัว อีกทั้งไม่มีรุ่นย่อยให้เลือกมากนัก
3. หน่วยประมวลผลก็มีผลต่อเรื่องราคาของโทรศัพท์
โทรศัพท์ในปัจจุบัน หลาย ๆ รุ่นจะมีสเปกที่ใกล้เคียงกัน อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยและบางฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่หลัก ๆ แล้วที่จะมีผลต่อราคามาก ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของ CPU หรือหน่วยประมวลผลกลางที่อยู่ในโทรศัพท์แต่ละเครื่อง ถ้าโทรศัพท์มีสเปก CPU สูง ราคาก็จะสูงขึ้น ฉะนั้นอย่าลืมพิจารณาเรื่องนี้ประกอบการตัดสินใจซื้อด้วย
เป็นเรื่องธรรมดามาก ที่คนเราทุกคนจะต้องการของถูกและดี นั่นจึงทำให้ทุกคนต้องมีการเช็คราคามือถือแต่ละรุ่นก่อนจะควักกระเป๋าเพื่อซื้อ แต่การเช็คราคาก็ต้องมีเทคนิคกันเล็กน้อย เพื่อที่คุณจะได้ราคาที่ใช่กับประสิทธิภาพที่ชัวร์ เทคนิคเช็คราคามือถือง่าย ๆ ขั้นแรกก็คือ
1. ตัดใจจากของถูกไปก่อน
หลายคนจะเริ่มต้นจากของถูกไว้ก่อน แต่อย่าลืมว่าของถูกและดี อาจไม่มีในโลกจริง ๆ ก็ได้ หากมือถือรุ่นนั้นเป็นรุ่นเรือธง สเปกสูง แต่จำหน่ายในราคาที่ถูกมากจนน่าตกใจ ก็ขอให้ยั้งใจไว้ก่อน บางทีเครื่องเหล่านั้นอาจมีปัญหาบางอย่างจึงทำให้ต้องนำมาขายในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ
2. เปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แหล่ง
บางทีคุณอาจจะมีร้านประจำของคุณ แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจเลือกซื้อที่ร้านประจำทันที ลองเช็คราคามือถือรุ่นที่คุณต้องการจากหลาย ๆ ร้าน หลาย ๆ แหล่ง บางทีคุณอาจจะไปพบบางแหล่งที่จัดโปรโมรชั่นสุดพิเศษในมือถือรุ่นนั้นอยู่ก็ได้ แบบนี้คุณก็จะมีโอกาสได้มือถือที่ชัวร์ที่ราคาที่ใช่กว่าเดิมแล้ว
และถ้าคุณไม่รู้ว่าจะไปเริ่มต้นเช็ค ราคาโทรศัพท์ แต่ละรุ่นยอดจากที่ไหน แวะมาที่ Pricezaได้เลย ที่นี่มีสมาร์ทโฟนหลากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมให้คุณตรวจสอบเปรียบเทียบราคาและพร้อมจำหน่ายให้กับคุณแล้ว รับรองถูกกว่าใครแน่นอน
ชิปเซ็ตนั้นเปรียบเหมือน สมอง ของสมาร์ทโฟนเลย เป็นส่วนสำคัญที่จะมีผลต่อความไหลลื่นในการใช้งานสมาร์ทโฟน ไม่ว่าเราจะเข้าแอปพลิเคชั่น จะเปิดกล้อง ใช้งานโทรศัพท์ หรืออะไรก็แล้วแต่ จะต้องผ่านการกลั่นกรองจากชิปเซ็ตของโทรศัพท์มือถือทั้งนั้น ดังนั้นเวลาที่เราจะเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง ก็จำเป็นต้องดูสเปคมือถือในส่วนชิปเซ็ตด้วย
มือถือแต่ละรุ่นจะระบุสเปคชิปเซ็ตมาเป็น ชื่อรุ่น + จำนวน Core + ความเร็ว + bit เช่น Exynos 9810 Octa-Core 2.8 GHz 64-bit ความเร็ว ซึ่งแต่ละข้อมูลคืออะไร เราจะเลือกชิปเซ็ตอะไรดี เรามาทำความเข้าใจกัน
- รุ่นของชิปเซ็ต โดยรุ่นชิปเซ็ตที่เรามักเห็นในท้องตลาด ก็ได้แก่ ชิปเซ็ต Snapdragon, Kirin, Exynos ของแบรนด์ซัมซุง หรืออย่างถ้าเป็น iPhone ก็จะใช้ชิปเซ็ตของ Apple เอง
- Core คือแกนประมวลผล ซึ่งแต่ละรุ่นจะบอกสเปคว่าใช้แกนประมวลผลกี่ตัว โดยทั่วไปจะมี Quad-Core (4 แกน), Hexa-Core (6 แกน), Octa-Core (8 แกน) และ Deca-Core (10 แกน) ทั้งนี้ Core เยอะก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานดีเสมอไป เพราะต้องดูเรื่องของความเร็วในการประมวลผลประกอบด้วย
- ความเร็วในการประมวลผล ซึ่งจะบอกเป็นหน่วย GHz ตัวเลขนี้จะบอก ความเร็วในการทำงานของ Core ว่าเร็วมากแค่ไหน อย่างเช่น ถ้าเป็น Octa-Core 2.8 GHz ก็เหมือนกับใช้ชิปเซ็ต 8 แกนที่ทำงานเร็วประมาณ 2.8 GHz ได้พร้อมกัน
- bit เป็นการบอกประสิทธิภาพการประมวลผล ซึ่งปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะใช้เป็น 64 bit เกือบหมด ซึ่งชิปเซ็ตประมวลผลแบบ 64 bit นี้จะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น ประหยัดพลังงานกว่า และรองรับการรันแอปพลิเคชั่น รันเกม รวมถึงการเล่นภาพยนตร์ความละเอียดสูงได้ลื่นไหลกว่า
ทั้งนี้สมาร์ทโฟนจะเร็วและแรงได้ก็ต้องมีชิปเซ็ตที่ดี และ RAM ที่เหมาะสมไว้ใช้งานร่วมกัน ดังนั้นนอกจากดูข้อมูลของชิปเซ็ตแล้ว ควรดูข้อมูลของ RAM ที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วย
มือถือในปัจจุบันเราจะเห็นว่า โทรศัพท์มือถือแต่ละรุ่นนั้น มีความจุ RAM ที่ต่างกัน โทรศัพท์มือถือแต่ละรุ่นจะบอก สเปคว่ามีความจุ RAM เท่าไร เช่น RAM 1 GB, RAM 2 GB ไปจนถึง RAM 6GB อย่างในมือถือรุ่นท็อปๆ เลยทีเดียว
การทำงานของ RAM ก็คือ เมื่อเราเปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมาหนึ่งแอพ ตัวแอพนั้นจะถูกโหลดเข้าไปสู่หน่วยความจำ RAM แล้วถ้าเราปิดแอพ ตัว RAM ก็จะเก็บข้อมูลตอนที่เรากดออกเอาไว้ เมื่อเรากลับเข้ามาใช้งานแอพนั้นอีกที ก็จะสามารถใช้งานต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องโหลดใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นเท่ากับว่า ยิ่งมือถือ RAM เยอะเท่าไร จำนวนแอปพลิเคชันที่สามารถพักไว้ใน RAM ก็จะยิ่งเก็บได้มากขึ้น และจะช่วยให้เราเปิดหลายๆ แอพมาใช้งานสลับกันได้ลื่นไหลมากขึ้น
แต่ถ้าถามว่าเลือกมือถือ RAM เท่าไรถึงจะดีนั้น แนะนำว่าให้ดูจากการใช้งานของเราเป็นหลัก ถ้าหากใครที่ใช้โทรศัพท์มือถือแค่ เล่นโซเชียลมีเดีย อย่าง LINE, Facebook, Youtube ก็เลือกมือถือที่ RAM ประมาณ 2GB-3GB ก็เพียงพอ หรือถ้าหากใช้มือถือเล่นเกมด้วย ก็แนะนำให้เลือก RAM 3GB ขึ้นไป ก็จะเล่นได้ไม่สะดุด แต่ถ้าหากใครพอมีงบหน่อย ต้องการใช้งานแบบลื่นไหล ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะรวนหรือช้า สามารถเลือกมือถือ RAM 4GB ขึ้นไปเลยก็ได้ ก็จะเพียงพอต่อการใช้งานในทุกๆ ด้านแล้ว
เวลาที่เราซื้อมือถือเราจะเห็นว่าแต่ละรุ่นจะใช้ประเภทจอโทรศัพท์ที่ต่างกันไป ซึ่งที่เห็นกันบ่อยๆ ก็จะมี Super AMOLED, LED, IPS, OLED เป็นต้น ซึ่งจริงๆ แล้วคำพวกนี้เป็นชื่อเรียกเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตจอ บางคำก็เป็นเพียงชื่อเรียกในการตลาด โดยแต่ละแบบนั้นจะมีคุณสมบัติต่างกันไป
- IPS เป็นจอ LCD รุ่นใหม่ที่พัฒนามาให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าจอ TFT LCD ที่นิยมใช้ในอดีต โดยจอ IPS นี้จะให้ความละเอียดสูง ให้มุมมองที่กว้างขึ้น กินแบตเตอรี่น้อยลง สีสันคมชัด ให้ความสว่างมากที่สุดในบรรดาจอทั้งหมด
- AMOLED เป็นจอ ประเภท LED ที่ว่ากันว่าดีกว่า LCD เนื่องจากตอบสนองได้ไวกว่า สีคมชัดมาก มุมมองภาพกว้างกว่า โดยจุดเด่นของจอ AMOLED นี้คือเป็นจอที่มีแสงในตัว ไม่ต้อง Backlight ส่องสว่างจะด้านหลัง จึงทำจอบางลงและและมีน้ำหนักเบากว่า แต่ว่าอาจจะกินแบตเตอรี่มากกว่าในกรณีที่มีการเปิดใช้สีที่สดมากบนหน้าจอ
- Super AMOLED จอที่ค่าย Samsung พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น รวมเอาเซ็นเซอร์จับสัมผัสเข้าไปบนหน้าจอ เพื่อเพิ่มความไวเวลาทัชหน้าจอ แล้วยิ่งทำให้จอบางลงไปอีก เรียกว่าบางที่สุดในบรรดาจอทั้งหมด
โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ มักจะมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Dual SIM ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ให้เราใช้งานซิมการ์ดได้ 2 ซิม หรือ 2 เบอร์โทรศัพท์ไปพร้อมๆ กัน
ส่วนใหญ่ระบบ Dual SIM นี้ จะเป็น ระบบ Dual Standby ที่ซิมทั้งสองสามารถรอรับสายได้ตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่าเลขหมายใดเลขหมายหนึ่งกำลังเชื่อมต่อและมีสายเข้าเรียกเข้า หรือกำลังสนทนาอยู่ แล้วมีสายเรียกเข้ามายังอีกซิมหนึ่ง สายที่สองนั้นจะไม่สามารถติดต่อได้ และจะถูกโอนไปยังระบบฝากข้อความเสียงโดยอัตโนมัติ
แต่ถ้าเป็นระบบ Dual Active นั้นจะสามารถใช้งาน 2 ซิมได้พร้อมกันแบบเต็มประสิทธิภาพ ใช้ได้พร้อมกันทั้ง data และ voice เมื่อมีสายซ้อนจากซิม 2 โทรศัพท์จะโชว์ว่ามีสายเรียกซ้อนอยู่ ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่พัฒนาเป็น Dual Active บ้างแล้วซึ่งมาในรูปแบบของ Full NetCom 3.0 ที่เปลี่ยนจาก dual-standby มาเป็น dual-active โดยซิมที่หนึ่งนั่นจะต่อกับ 3G/4G ได้แบบปกติ แต่จุดที่อัพเกรดขึ้นมาก็คือ ซิมที่สองที่สามารถทำเชื่อมต่อกับ 3G ได้ (สูงสุดที่ 3G) ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้ง data และ voice ทั้ง 2 ซิมเลย สมาร์ทโฟนรุ่นที่มีก็เช่น Xiaomi Mi5 และ ZUK Z2
สมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้นั้น จะมีการระบุตัวเลข IP Code หรือมาตรฐานกันน้ำ ซึ่งเป็นตัวเลขสากลที่ทาง IEC หรือ International Electrotechnical Commission ใช้กำหนดความสามารถในการป้องกันตัวของอุปกรณ์จากสิ่งแวดล้อมภายนอก
ลักษณะของ IP Code จะขึ้นต้นด้วย IP แล้วตามด้วยตัวเลข 2 หลัก ซึ่งตัวเลขหลักแรกหมายถึง ระดับการป้องกันอนุภาคของแข็งเข้าไปในอุปกรณ์ มีตั้งแต่ระดับ 0-6 ส่วนตัวเลขหลักที่สองหมายถึง ระดับป้องกันของเหลว (น้ำ) แทรกซึมเข้าไปในอุปกรณ์ มีตั้งแต่ระดับ 0-9K
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่มักจะใช้มาตรฐาน IP67 กับ IP68 ซึ่งความต่างกันก็คือ...
IP67 จะสามารถป้องกันฝุ่นได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และป้องกันอุปกรณ์จากการจมน้ำ หรือกันน้ำซึม water resistant ได้ลึกถึง 1 เมตร นานไม่เกิน 30 นาที
ส่วน IP68 จะสามารถป้องกันฝุ่นได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และป้องกันอุปกรณ์จากการจมน้ำ หรือกันน้ำซึมได้ลึกมากกว่า 1 เมตร ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ผลิตอุปกรณ์นั้นๆ จะกำหนด เช่นปิดช่องเชื่อมต่อทั้งหมดก่อนลงน้ำ
ฟังก์ชั่น Dual Camera หรือกล้องคู่นั้นเป็นเทคโนโลยีที่เริ่มมีเห็นเยอะมากในช่วงปลายปี 2016 เป็นต้นมา โดยนับว่าเป็นโซลูชั่นที่เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพ ซึ่งการมีกล้องคู่จะช่วยให้ถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนได้สวยงามยิ่งขึ้น ด้วยระบบการทำงานของกล้องทั้งสองตัว แต่ทำงานแยกกันตามทำหน้าที่ เช่น กล้องที่1 เก็บภาพส่วนที่โฟกัส ส่วนกล้องที่ 2 เก็บรายละเอียดเสริม แล้วซอฟต์แวร์ก็จะผสมผสานภาพจากทั้งสองกล้อง ให้ได้ผลลัพธ์เป็นภาพเดียว
ข้อดีของโทรศัพท์มือถือกล้องคู่ มีดังนี้
1. ทำให้ได้ภาพมีมิติยิ่งขึ้นกว่าเดิม
2. ภาพสวย หน้าชัด หลังเบลอได้ดีกว่ากล้องตัวเดียว
3. ถ่ายภาพในโหมด Portrait ถ่ายภาพบุคคลได้สวยขึ้น
4. เก็บรายละเอียดภาพได้ดียิ่งขึ้น ภาพมีรายละเอียดแสงเงาที่เข้มขึ้น